“แม่ของดุ๊กดิ๊กโดนยาเบื่อแต่ไม่ตาย แต่สารพิษกลับส่งผลกับลูกของมัน ซึ่งเป็นตัวที่เราเก็บมาเลี้ยง มันเศร้ามาก เพราะการที่เราตัดสินใจเลี้ยงแมวสักตัว นั่นคือเราตัดสินใจที่จะรักมัน แต่แมวกลับเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ และเราก็ทำได้แค่ประคองอาการเท่านั้น”
ช่วงนั้นคนแถวบ้านเขาวางยาเบื่อแมว และตัวที่โดนคือแม่แมว แต่อาจจะโดนไม่เยอะหรืออาจจะอาเจียนออกมาทัน เลยยังไม่เป็นไร แต่มันส่งผลกระทบโดยตรงกับลูกแมวที่ออกมา ครอกนั้นมี 3 ตัว ดุ๊กดิ๊ก เป็นตัวที่มีคนโยนข้ามรั้วเข้ามาในบ้าน ตอนนั้นอายุไม่น่าจะเกิน 1 เดือน คิดว่าเขาตายแน่ แต่ในที่สุดเขาก็ร้อง เหมือนจะขอสู้ต่อ แม่ก็เลยเอามาเลี้ยงในบ้าน ดุ๊กดิ๊กจึงเป็นลูกแมวตัวแรกที่เราเก็บมาเลี้ยงแบบระบบปิดในบ้าน
ช่วงเดือนแรก ก็สังเกตเห็นแล้วว่า ดุ๊กดิ๊ก จะตัวสั่นๆ แต่ก็คิดว่าเป็นเพราะยังเป็นลูกแมว ยังทรงตัวไม่ได้แต่พอเดือนที่ 2 เขาสั่นหนักกว่าเดิม เวลาจะเดินเข้าบ้าน มีสเต็ปแค่ 5-10 ซม. เขาเดินขึ้นไม่ได้ เลยพาไปหาหมอพอหมอเห็นก็คิดว่าแมวน่าจะมีความผิดปกติที่สมอง หมอจึงทดสอบประสาทสัมผัส โดยทดสอบกับขาหลัง ซึ่งปกติถ้าเราใช้เหล็กแตะขาหลังแมว เขาจะยกหลบทันทีแสดงว่าแมวปกติดี แต่ ดุ๊กดิ๊ก ขาไม่ตอบสนองเลย หมอวินิจฉัยว่า ดุ๊กดิ๊ก เป็นโรค Seizures ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากการมีสิ่งรบกวนคลื่นไฟฟ้าในสมอง เป็นความผิดปรกติในระบบประสาทและสมองส่วนซีรีบรัม ซึ่งเป็นศูนย์ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ และการรับรู้ความรู้สึกและการรับสัมผัสต่างๆ รวมถึงพฤติกรรม ร่างกายจะควบคุมไม่ได้ ซึ่งสาเหตุ อาจเกิดได้จากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือเกิดจากได้รับสารพิษจากยาฆ่าแมลง พอหมอบอกอย่างนี้ เราก็นึกขึ้นได้ว่าน่าจะมาจากตอนที่แม่เขาโดนยาเบื่อ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับลูกแมว
อาการเริ่มต้นคือ ตัวสั่น เวลาตั้งใจจะทำอะไร ไม่ว่าจะกิน เดิน หรือเวลาเราเรียกชื่อ พอเขาโฟกัสกับอะไร เขาจะเริ่มมีอาการสั่น หมอบอกว่าถ้าสั่นมากเกินไปอาจจะช็อค ชัก เลือดไม่ไปเลี้ยงสมองก็อาจจะตายได้ ตอนนั้นเราก็ยังคิดว่าเรายังช่วยดูแลได้ ป้อนอาหารได้ ซึ่งตอนเด็กๆ อาการยังไม่รุนแรง เพราะหลังจากพาไปหาหมอ กินยา เขาก็ยังเดินได้ ยังขึ้นบันไดได้ แต่พอ 3-4 เดือน เขาจะเดินไปถ่ายที่กระบะไม่ทัน และเวลากินจะสั่นหนักมาก จนเราต้องช่วยประคอง
ตอนที่เลี้ยง หมอบอกว่าโรคนี้ไม่มียารักษา เพราะสมองถูกทำลาย มีวิธีนึงที่พอจะช่วยได้ คือการทำกายภาพ คือขาหลังที่ยังพอเดินได้ พอยิ่งโตมันขยับไม่ได้ ดุ๊กดิ๊กก็เลยไม่ขยับ ซึ่งจะกลายเป็นพังผืด เราต้องคอยช่วยขยับยืดขาให้ทุกวัน และให้วิตามินอาหารเสริมที่มีโอเมก้า 3 เยอะๆ แต่หมอก็ไม่ได้คอนเฟิร์มว่าจะช่วยได้ เราก็ให้เขากินระยะหนึ่งเพราะมีความหวังว่าจะช่วยให้เขาดีขึ้น…แต่ก็ไม่
พออายุได้ 5 เดือน ดุ๊กดิ๊ก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 90% ไม่ว่าจะกินน้ำ กินอาหาร เข้าห้องน้ำ เราต้องช่วยทุกจังหวะ เพราะพอเขาสั่นมากๆ เขาจะกินอะไรไม่ได้ ดุ๊กดิ๊ก ก็จะไม่กิน เราต้องประคองหัวให้เขากินให้ได้มากที่สุด พอจุดนี้เราก็จำกัดที่ให้เขาอยู่ในตะกร้าใหญ่ๆ ที่มีอาหาร และกระบะทรายอยู่ โดยแม่จะให้อาหารเป็นเวลา พาไปถ่ายเป็นเวลา ยิ่งโตอาการก็จะยิ่งออกเยอะ ตอนเด็กๆ แค่ตัวสั่น แต่พอโตจะมีปัญหาเรื่องการหายใจด้วย เขาจะเดินไม่ได้ ถ่ายไม่ได้ ไม่รู้ตัวเอง กินไม่ได้ อารมณ์ร้าย อาการจะหนักขึ้นเรื่อยๆ อวัยวะจะค่อยๆ เสียไป ดุ๊กดิ๊ก อยู่ในตะกร้า 2-3 เดือน จนกระทั่งเขาตาย คือ อายุประมาณ 7 เดือนกว่าๆ ก่อนเขาเสียประมาณ 1-2 อาทิตย์ เขากินไม่ได้ เหมือนอาหารเข้าไปแล้วแต่ระบบในร่างกายไม่ทำงาน ร่างกายค่อยๆ หยุดทำงานไปเรื่อยๆ จนหมดลมหายใจ
มันเศร้ามาก ตรงที่พอเราตัดสินใจที่จะเลี้ยงแมวสักตัวหนึ่ง ก็เหมือนเราตัดสินใจที่จะรักเขาอย่างเต็มที่ แต่แมวกลับเป็นโรคที่รักษาไม่ได้ และเราก็ทำได้แค่พยายามประคองอาการเท่านั้น
ขอขอบคุณ คุณแอน พี่สาวของดุ๊กดิ๊ก
Cat Club ขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของดุ๊กดิ๊กด้วยค่ะ
โรค Seizure เกิดได้จากหลายสาเหตุ และมีหลายอาการ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ โรค Seizures
ใส่ความเห็น